Site Overlay

ลดเรื่องราวต่างๆลง 10% เพื่อการพัฒนาตนเองขึ้น 100%

ในยุคที่ลุงของประเทศกำลังทำการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง แต่สำหรับเรากันเองต่างหากที่ต้องทำการหยุดยั้งกันเสียบ้างกับเรื่องราวประจำวันในชีวิต หลายสิ่งหลายอย่างที่เรากำลังทำกันอยู่นั้น อาจจะไม่เคยรู้กันเลยว่าเรากำลังทำเกินตัวกันอยู่ และแน่นอนว่า สิ่งที่เราทำกันอยู่แบบไม่รู้ตัวนี้ เราก็ยังคงพยายามที่จะทำมันเพิ่มสร้างมันเพิ่มแบบที่คิดว่าดีและถูกต้องการ เพียงเพื่อสนองความยากให้กับตัวเราเองทั้งนั้น
เมื่อเป็นแบบนี้เราควรจะต้องลดลงกันสัก 10 % ดีที่สุด ถ้าเราสามารถลดเรื่องราวเหล่านี้ลงสัก 10% มันจะส่งผลดีกับเราถึง 100% น่าแปลกมากทำไม 10 ถึงได้เท่ากับ 100 จริงๆแล้วมันเป็นแบบนั้นจริงหรือไม่ หรือในความเป็นจริงเป็นเรื่องที่โกหก เรามาดูกันว่าถ้าเราลดเรื่องราวเหล่านี้ลง 10% ชีวิตจะมีผลดีอย่างไรกันบ้าง
5 สิ่งที่เราควรลดลงให้ได้ 10% เพื่อการพัฒนาสู่ 100%
1.การกิน
อาหารการกินจัดเป็นเรื่องที่ควรต้องลดมากที่สุด ไม่เพียงแค่ควรต้องลดปริมาณอาหารลงเท่านั้น แต่ควรลดในเรื่องของค่าอาหารลงด้วย ลองเทียบดูง่ายๆ ว่า ถ้าเราลดปริมาณอาหารการกินลงแต่ละมื้อให้ได้ 10% ดูเหมือนจะไม่มาก แต่ถ้าเราทำแบบนี้ต่อเนื่องจนเริ่มคุมอาหารให้ทานได้แต่พอเหมาะก็จะลดความอ้วนแบบไม่รู้ตัว แล้วการลดค่าอาหารลงได้อีกมื้อละ 10% อย่างเช่นมื้อกลางวันลดได้ 10 บาท มื้อเย็นลดได้อีก 15 บาท และมื้อเช้าลดลงอีก 10 บาท เราอาจจะดูเหมือนได้แค่ 35 บาท แต่ถ้ามองย้อนกลับไป นั้นคือเรามีเงินเก็บเพิ่มอย่างน้อยวันละ 35 บาทรวมต่อเดือนก็มากพอดูอยู่แล้วถ้ามื้ออื่นเราลดได้อีกรวมๆ แล้ว 1 เดือนเราจะมีสะสมเพิ่มขึ้นเท่าไหร่
2.ลดน้ำชา กาแฟ และน้ำหวาน
หลายคนมักจะบอกว่า เมื่อเรากินอาหารกลางวันกันเสร็จแล้วก็จะต้องไปหา ชา กาแฟ กินกัน บางคนก็ไปจ่ายค่ากาแฟบางครั้งก็เท่ากับราคาอาหารกลางวัน แก้วละ 50-60 บาท หรือบางคนติดการกินกาแฟแบบยี่ห้อก็เตรียมไว้ได้เลย กาแฟหนึ่งแก้วแพงกว่าอาหารอร่อย ๆ หนึ่งจานด้วยซ้ำ แล้วถ้าเราเริ่มลดลงสัก 10 % อาจจะ ทำการลดราคากาแฟลงสักหน่อย ไม่ติดยี่ห้อมากนัก หรือบางคนก็อยากจะกินแค่เล็กน้อย แล้วลดการกินคนเดียวทั้งแก้ว แต่เป็นการหารกัน 2 คนต่อหนึ่งแก้ว กินแค่พอได้รู้รส ดีต่อร่างกายอย่างมาก ไม่เยอะเกินความจำเป็น แถมเป็นการลดค่าใช้จ่ายไปในตัว ได้ทั้งสุขภาพและเงินเก็บเพิ่มอีกแล้ว
3.ลดเวลาในการเข้าห้องน้ำ
บางคนเสียเวลากับการเข้าห้องน้ำครั้งละนานมากๆ ซึ่งแต่ก่อนไม่เป็น แต่ตอนหลังติดการอ่านหนังสือบ้างไม่ก็ติดการดูมือถือบ้าง เข้าห้องน้ำแต่ละครั้งก็จะใช้เวลาอย่างยาวนาน บางครั้งก็ 20-25 นาที เพราะกำลังมีความสุขกับการได้อยู่คนเดียว ถ้าอยู่ที่บ้านก็คงจะไม่แปลกนักแต่ถ้าเป็นที่ทำงานเชื่อได้เลยว่าคงมีคนที่กำลังเพ่งเล็งกันอย่างแน่นอนถ้าลดเวลาลงมาได้ ก็จะมีเวลาในการทำงานมากขึ้น ไม่ต้องไปบ่นว่างานไม่เสร็จ เหนื่อยต้องเลิกงานค่ำ ต่างประเทศไม่ได้เอาเวลามาวัดที่ผลงาน แต่ผลงานนั้นวัดจากตัวชิ้นงานจริงๆ คนไทยชอบเอาเวลาเป็นที่ตั้ง ว่าทำงานล่วงเวลาเป็นคนที่ขยันทำงาน ซึ่งการทำงานจริงๆ เอาเวลาไปใช้อย่างอื่นหมด ค่อยๆ ลดครั้งละ 10% จะมีผลดีเห็นอย่างชัดเจน
4.ลดการเที่ยว
ลดการเที่ยว ไม่ใช่ว่าเป็นการเที่ยวแบบเที่ยวประจำปี หรือเที่ยวในทุกเดือน แต่เป็นการเที่ยวกินในประจำวัน บางคนสำหรับสายดื่มก็จะมีการเที่ยวหาร้านดื่มทุกเย็น แน่นอนว่า ถ้าดื่มเยอะก็จะเสียทั้งสุขภาพและร่างกาย ตามไปด้วยเงินในกระเป๋า แค่ดื่มยังไม่พอยังต้องทิปให้กับน้องๆที่มาคอยดูแลกันด้วย แบบนี้ก็ไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่นัก ถ้าลดลงสักหน่อย อย่างเช่น ร้านแพงเราก็เลือกร้านที่ถูกลง เราอาจจะเคยดื่มวันละ 3-4 ขวดก็อาจจะลดลงเหลือเพียง 2-3 ขวดก็กำลังพอเหมาะ แบบนี้จัดว่าเป็นการลดเพื่อสุขภาพกายและสุขภาพกระเป๋าเงิน แต่ความสุขความสนุกก็ยังคงเท่าเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป เป็นการลดที่เหมาะกับยุคนี้ที่สุด
5.ลดการมองหน้าจอ
ทุกวันนี้เราใช้เวลาในการมองหน้าจอกันกว่าวันละ 8 ชั่วโมง ซึ่งมันก็ไม่แปลกเอาเสียเลยเพราะแต่ละคนก็มีมือถือกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเด็กเล็ก หรือผู้ใหญ่ที่มีเวลาว่างมากๆ ก็ดูมือถือเล่นกันทั้งวัน และโดยเฉพาะวัยรุ่นหรือคนวัยทำงานก็ยิ่งเยอะเข้าไปอีก เพราะนอกจากการดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ในการทำงานแล้ว ว่างเมื่อไหร่ก็จะจะต้องแวะไปดูมือถือตัวเองสักนิดกันด้วย ต้องแวะไปดู IG ไม่ก็ต้องเล่นไลน์สักหน่อย หรือที่ยอดนิยมที่สุดก็เป็น Facebook ก็ไม่ค่อยเข้าใจกันว่าจะดูกันมากมายไปขนาดไหน เสียเวลากับเรื่องคนอื่นและวิจารณ์คนอื่นกันอย่างเมามัน จนลืมเรื่องตัวเอง ไป จริงๆ เรื่องพวกนี้เราเหลือเพียงแค่วันละ 10% ก็ควรจะพอแล้ว เพราะไม่ได้สร้างประโยชน์ให้กับเรา แต่ถ้าเป็นเรื่องงานการสร้างรายได้ก็ว่ากันไปอีกอย่าง แบบนั้นเรียกว่าสร้างสรรค์ ควรต้องสนับสนุน แต่ถ้าเล่นอย่างเดียวนอนดูอย่างเดียวแบบนี้เหลือแค่วันละ 10% ก็มากเกินพอแล้ว